วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

มหาวิหารเซนต์บาซิล

มหาวิหารเซนต์บาซิล
มหาวิหารเซนต์บาซิล (St. Basil’s Cathedral) คืออีกหนึ่งสถาปัตยกรรมที่กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของกรุงมอสโก ด้วยรูปทรงที่มีลักษณะเป็นโดมรูปหัวหอม สีสันสดใส ตั้ง ตระหง่านสง่างาม ขนาบข้างด้วยกำแพงเครมลิน ดึงดูดให้คนจำนวนไม่น้อยที่เดินทางสู่จัตุรัสแดงแล้วจะต้องถ่ายรูปเป็นที่ ระลึกคู่กับมหาวิหารแห่งนี้ พร้อมกับการเรียนรู้ความเป็นมาอันยาวนานของสถานที่สำคัญนี้ควบคู่กันไป

มหาวิหารเซนต์บาซิลสร้างขึ้นโดยพระเจ้าอีวานที่ 4 (Ivan the Terrible) เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานในการรบชนะเหนือกองทัพของมองโกลที่เมืองคาซาน (Kazan) ในปี พ.ศ. 2095 หลังจากถูกปกครองกดขี่มานานหลายร้อยปี ออกแบบโดยสถาปนิก ปอสนิก ยาคอฟเลฟ (Postnik Yakovlev) และด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมจึงทำให้มีเรื่องเล่าสืบต่อกันว่า พระเจ้าอีวานที่ 4 ทรงพอพระทัยในความงดงามของมหาวิหารแห่งนี้มาก จึงมีคำสั่งให้ปูนบำเหน็จแก่สถาปนิก ผู้ออกแบบด้วยการควักดวงตาทั้งสอง เพื่อไม่ให้สถาปนิกผู้นั้นสามารถสร้างสิ่งที่สวยงามกว่านี้ได้อีก การกระทำในครั้งนั้นของพระเจ้าอีวานที่ 4 จึงเป็นที่มาของสมญานาม Ivan The Terrible หรืออีวานมหาโหด นั่นเอง

มหาวิหารเซนต์บาซิล เมืองมอสโคว
ประเทศรัสเซีย

สิ่งที่ควรชม
-โดมรูปหัวหอม ที่มีหลากหลายสีสันสดใสสวยงามมีหลายขนาด เป็นโดม 9 แห่งที่รวมอยู่ด้วยกันได้อย่างเหมาะสมกลมกลืน เป็นรูปแบบศิลปะจากจินตนาการจากเทพนิยายซึ่งเป้นพระบรรชาของพระผู้เป็นเจ้า
หรือแรงบรรดาลใจจากเทพเจ้าบนสวรรค์

-ภาพรูปเคารพในโบสถ์กลาง (Main Iconostasis) เป็นภาพพระเยซูและสาวกคนสำคัญ และมีรวดลายฝังหินขัดเรียบที่มีสีสันสวยงามวิจิตรบรรจงมาก เป็นผลงานชิ้นเอกในสไตล์บารอก อายุราว 200 ปี บางภาพก็มากกว่านั้น

-อนุสาวรีย์ คอสมา มินิน และ ดมิทริ โปซาร์สกี้ (Kuzma Minin and Dmitry Pozharsky) หล่อด้วยทองสำริดโดย Ivan Martos ทั้ง 2 คนเป็นผู้นำกองกำลังอาสาสมัครต่อสู้ผู้รุกรานชาวโปล (Ploes) ออกจากเขตเครมลินในปี พ.ศ. 2361 หลังจากได้รับชัยชนะจากสงครามนโปเลียน (พ.ศ. 2348 เกิดสงครามกับฝรั่งเศส รัสเซียมีชัยชนะในการรบที่ออสเตอร์ลิสส์ (Austerlitz) พ.ศ. 2355 นโปเลียนบุกเข้ามอสโก แต่ตีไม่สำเร็จจึงต้องล่าถอยออกไป)
บริเวณใกล้กันกับมหาวิหารเซนต์บาซิล เป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานเลนินหรือสุสานเลนิน ซึ่งยังคงเก็บรักษาร่างของวลาดิเมียร์ เลนิน ผู้นำคนสำคัญของคอมมิวนิสต์ และเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปเคารพศพได้

แรกเริ่ม ตั้งอยู่ตรงกลางจตุรัสแดง หันหน้าเข้าหาว้งเครมลิน ต่อมาในยุคคอมมิวนิสต์โซเวียตได้มีการย้ายมาอยู่ด้านหน้ามหาวิหารเซนต์บาซิล เปิดตั้งแต่ 11.00-19.00 น. วันพุธและวันพฤหัสบดี เปิดถึง 18.00 น. ปิดทุกวันศุกร์


พระราชวังเครมลิน

                                              
                                                                   พระราชวังเครมลิน
พระราชวังเครมลิน ตั้งอยู่ที่กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย สร้างอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำมอสควา ภายในมีพระราชวัง หอคอย และป้อมปราการ ซึ่งในอดีต เป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์กษัตริย์แห่งราชวงศ์รัสเซีย แต่ได้ถูกปฏิวัต ิเป็นคอมมิวนิสต์ และได้ใช้เป็นที่ทำการรัฐบาลเครมลิน เป็นชื่อ ของนักการเมือง พอระบบสังคมนิยม ล่มสลายเป็นประชาธิปไตย ก็ได้เปิดให้เป็น แหล่งท่องเที่ยว จนถึงปัจจุบัน
สถาปัตยกรรมของกรุงมอสโกนั้น พระราชวังเครมลินถือได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีเลิศที่สุดในยุโรปยุคกลาง คำว่า "เครมลิน" มีความหมายว่า ป้อมปราการ มีความยาวล้อมรอบ 2,235 เมตร มีหอคอย 18 แห่ง (เพื่อป้องกันการรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้าน) โดยมีการปรับปรุงต่อเติมมาเรื่อยๆ เริ่มจากใช้อิฐสีขาวเป็นรอบรั้วกั้นกำแพงแต่ในปัจจุบัน ได้เปลี่ยนมาเป็นอิฐสีแดง ซึ่งความสูงของหอคอยแตกต่างกันระหว่าง 28-71 เมตร เช่น
ภายในพระราชวัง แห่งนี้ประกอบด้วยปราสาท โบสถ์ วิหาร พิพิธภัณฑ์ คลังแสง อาวุธยุทธภัณฑ์ หอคอย ป้อมปราการ หอสูง ยอดแหลม และโดมมากมาย มีกำแพงสูง 65 ฟุตรอบพระราชวัง มีความยาวเกือบ 3 กิโลเมตร พระราชวังจักรพรรดิอยู่ตรงกลาง หอคอยอิวานเวลิกี้สูง 270 ฟุต เป็นที่แขวนระฆัง ของพระเจ้าโบริสดูนอฟ ผู้อยู่บนหอคอย จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพ กรุงมอสโก ที่สวยงาม ได้อย่างชัดเจน บรรดาหอคอย หอสูง โดม ป้อมปราการเหล่านี้ เมื่อแสงพระอาทิตย์สาดมาต้อง จะเห็นเป็นสีทอง เปล่งปลั่ง สุกอร่าม งามตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก

ประตูสำคัญ คือประตูโปรดชำระบาป ซึ่งพระเจ้าซาร์อะเล็กซิส โปรดให้สร้างเมื่อปีค.ศ. 1491 โปรดให้ติดโคมใหญ่ไว้บนยอดดวงหนึ่งประตูนี้เคยมีพระบรมราชโองการรับสั่งให้ผู้ผ่านเข้าออกต้องถอดหมวก แสดงความเคารพ ผู้ฝ่าฝืนจะต้องถูกจับประหารชีวิต ถัดไปไม่ไกลมีมหาวิหารอัครเทวทูตซึ่งมีที่ตกแต่งไว้อย่างงดงาม เพื่อใช้เป็นสุสานฝังพระศพของพระเจ้าซาร์ทุกพระองค์ นอกจากนี้ยังมีโบสถ์อัสสัมชัญซึ่งสร้างไว้อย่างประณีตบรรจงเป็นพิเศษ

วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2557

30 สิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสุข

1.นึกไว้เสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับคุณ 3 ชั่วโมง 

2.ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก รับรองว่าเขาต้องยิ้มกลับมาทุกครั้งแน่

3.ลองปลูกต้นไม้เองสักต้น การเติบโตของมันจะบ่งบอกตัวตนของคุณได้

4.หลับตานิ่งๆสักสามนาที เมื่อรู้สึกว่าอะไรที่อยู่ตรงหน้ามันช่างยากเหลือเกิน

5.ระหว่างแปรงฟัน ฮัมแพลงด้วยจนจบ จะทำให้ฟันสะอาดขึ้นสองเท่า

6.เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง จากที่รสชาดธรรมดา ก็จะอร่อยขึ้นเยอะเลย

7.ไม่ว่าผมจะสั้นหรือยาวแค่ไหน ก็ต้องการให้หวีอย่างถนุถนอมเหมือนกันหมด

8.การขึ้นลงบันใดสูงๆ แบบไม่ให้เมื่อย คือการไม่นับว่ากำลังยืนอยู่บันใดขั้นที่เท่าไร

9.คนตาบอดจะเห็นว่าคุณสวย/หล่อมากๆทันที ที่คุณถามเขาว่า "ช่วยพาข้ามถนนไหมคะ/ครับ?"

10.เมื่อจะหยิบเศษเงินให้ขอทาน ไม่จำเป็นต้องนับก่อนที่หย่อนลงกรป๋องหรอก

11.ควรหัดพูดคำว่า "ไม่เป็นไร" ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า "จะเอายังไง"

12.ลองตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้น 15 นาที รับรองว่าจะไม่ค่อยไปสายเหมือนก่อน

13.สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้จึงควรเล่าให้มันฟัง

14.อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด

15.เขียนชื่อคนที่เกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้ง ความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ

16.ให้ปล่อยให้น้ำตาไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้งแล้วแทบดูไม่ออกว่าเพิ่งร้องให้

17.ตุ๊กตาและของเล่นเก่าๆ จะทำให้เรายิ้มได้เสมอเมื่อไปหยิบมาเล่นอีกครั้ง

18.ก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมันให้ได้อย่างน้อยสามข้อก่อน

19.ถึงเสื้อกางเกงในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าใส่สลับกันไปเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนมันมีเยอะเอง

20.ซาลาเปา 1 ลูกกินได้ 2 คน ลูกชิ้นปิ้ง 1 ไม้กินได้ 4 คนถ้าคุณคิดจะแบ่งเท่านั้นเอง
21.เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้ดีกว่า ให้คนที่ได้เยอะจนจำชื่อคนที่ให้ไม่ได้

22.ในวันที่รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ เดินไปซื้อดอกไม้ให้ตัวเองสักดอกก็จะดีขึ้น

23.แอบรักใครสักคน ยังไงก็ยังดีกว่าไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกรักมันเป็นอย่างไร

24.ถึงจะไม่ออกไปไหน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นิ

25.ฝึกโรแมนติกง่ายๆ คนเดียวบ้าง ด้วยการนั่งนับดาวให้ครบ 100 ดวงก่อนนอน

26.ถ้าคุณเช็ดกระจกที่ขุ่นมัวที่สุดจนใสได้ ทำไมคุณจะเรียนดีกว่านี้ไม่ได้

27.พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่ม มันอาจจะไม่สนุกแต่ก้มีประโยชน์แฝงอยู่

28.วันที่ตื่นเช้าๆ ให้บิดขี้เกียจนานที่สุดเท่าทีจะนานได้ ถ้าขี้เกียจออกกำลังกาย

29.แค่เอาข้าวที่กินไม่หมดไปให้หมาที่เดินผ่าน ก็เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องลงทุนแล้ว

30.ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นในบ้าน แม่จะได้มีค่าขนมเพิ่มขึ้นอีกหลายบาท

วิธีเพิ่มพลังสมอง

1. เล่นเกมบ้าง อันนี้ คงเข้าทางใครหลายๆ คน เพราะเค้าวิจัยกันมาแล้วว่า การเล่นเกมช่วยในการฝึกสมองได้ ~~~ ไม่ว่า จะเป็นเกมอะไรก็ตาม ไม่ต้องเป็นเกมสามมิติอลังการ ก็ได้ แค่เกมเล็กๆ อาเคด แคชช่วล ก็สามารถพัฒนาสมองได้
2. ลองคิดเป็นภาพ ฝึกคิดหรือว่าจำให้เป็นรูปภาพ จะช่วยให่สมองทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น อันนี้เข้าตำราของคุณหนูดี ที่บอกว่า สมองชอบจำเป็นภาพมากกว่าตัวหนังสือ แสดงว่า ทฤษฎีนี้ ตรงกัน
3. เล่นครอสเวิร์ด เกมครอสเวิร์ด หลายๆ คนคงจะรู้จักดี เค้าวิจัยกันมาว่า การเล่นเกมประเภทนี้ ช่วยให้สมองสร้างกิ่งก้านสาขาได้มากขึ้น ซึ่งมีผลให้ช่วยในเรื่องของการคิดและการจดจำข้อมูลได้ดีขึ้น ถ้าจะเล่นแบบไทยๆ หน่อย ก็เล่นอักษรไขว้ก็ได้ ~~
4. เลือกกลิ่นช่วยสมอง กลิ่นมะนาวช่วยให้เรามีสมาธิ กลิ่นลาเวนเดอร์ช่วยให้ผ่อนคลายและสมองแจ่มใส กลิ่นมะลิช่วยกระตุ้นสมองให้คิดได้เร็วขึ้น
5. เลือกดูรายการทีวีดีๆ (ซะบ้าง 55+) อย่างเช่น พวกรายการเกมโชว์ตอบปัญหาทั้งหลาย หรือสารคดีดีๆ การเลือกดูรายการพวกนี้ ทำให้เราซึมซับความรู้โดยไม่รู้ตัว แถมยังช่วยเพิ่ม IQ อีกด้วย ผลวิจัยจาก อังกฤษ บอกว่า หากเลือกดูรายการ Weakest Link (กำจัดจุดอ่อน) แค่ 30 นาที สามารถเพิ่ม IQ ได้ถึง 6 แต้ม ถ้าเป็นรายการสารคดีเพิ่มขึ้น 4 แต้ม แต่ละครซิตคอมอย่าง Friends นั้น เพิ่ม IQ แค่แต้มเดียว
6. หายใจเข้าลึกๆ อันนี้คงจะรู้กันมานาน…มากแล้ว ด้วยเหตุผลที่อธิบายทางการแพทย์ได้ง่าย เพราะว่าการหายใจเข้าลึกๆ ช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกาย รวมถึงสมองได้อย่างเพียงพอ มีเทคนิคการหายใจนิดนึง เค้าบอกกันว่า กายหายใจทางจมูก จะได้อากาศมากกว่าหายใจทางปาก
7. ฝันกลางวัน อันนี้ เจ้านายคงจะไม่ชอบกัน – - ถ้าเห้นพนักงานตัวเอง มานั่งเหม่อลอยตอนบ่ายๆ ไม่ยอมทำงาน -*- แต่คุณอาจจะไม่รู้ว่า พนักงานคนนั้น กำลังจะสร้างไอเดียใหม่ให้ธุรกิจของคุณได้ (-_-”) ที่จริงข้อนี่เค้าหมายถึงว่า ให้้ลองปลดปล่อยสมองคิดเรื่องอื่น ๆ หรือว่าฟุ้งซ่้าน -*- ดูบ้าง วันละ 10 นาที ไอเดียดีๆ อาจจะมาโดยไม่รู้ตัว
8. ลดคาเฟอีนและนิโคติน คาเฟอีนอยู่ในกาแฟ นิโคตินอยู่ในบุหรี่ นักวิจัยในอเมริกาพบว่า คาเฟอีนและนิโคตินช่วยยับยั้งการดูดซึมวิตามินที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมอง
9. หัดแยกประสาทสมอง โดยการทำ 2 อย่าง พร้อมๆ กัน เช่น ดูทีวี+อ่านหนังสือ+ฟังวิทยุ ไปพร้อมกัน หากทำบ่อยๆ จนเชี่ยวชาญ หลังจากนี้ คุณก็จะพบว่าตัวเองสามารถแยกประสาทได้อย่างเหลือเชื่อ หรือคุณอาจจะไม่ได้อะไรเลย
10. อกตั้ง หลังตรง ช่วยสมองได้ เชื่อหรือไม่ ลักษณการนั่งของเรามีผลต่อการคิดของสมองด้วย
11. ลองมั่ว อาจะได้ดี เค้า แนะนำว่า ให้ลองคิดอะไรสองอย่างที่ไม่เกี่ยวกันเลย แล้วลองคิดโยงสิ่งต่างๆ ระหว่าง 2อย่างนี้ ที่มันน่าจะเกี่ยวข้องกัน การหัดคิดแบบนี้ ช่วยให้เวลาต้องการไอเดียต่างๆ มันจะคิดแตกแขนงออกมาได้ดีขึ้น
12. ผ่อนคลายเข้าไว้ เวลา คิดอะไรไม่ออก ลองผ่อนคลายตัวเองดู ทั้งสมองและร่างกาย พยายามทำให้ตัวเองผ่อนคลายให้มากที่สุด สัก 30 นาที
13. ทำไมด์แม็พแบบง่ายๆ วิธีก็คือ ตั้งโจนย์ปัญหาไว้ในวงกลมกลางกระดาษ แล้วขีดเส้นตรงออกมาทุกทิศทาง โดยที่ทุกปลายของเส้นตรงคือชื่อ สิ่งของ คำ หรือไอเดียต่างๆ ที่มาจา่กปัญหากลางกระดาษ วิธีนี้ จะช่วยให้สมองเห็นภาพของปัญหาที่ต้องการจะแก้ไขได้ดียิ่งขึ้น
14. เริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เช่นหัดเรียนภาษา ดนตรี หรือง่ายๆ เช่น ถ้าคุณไม่เคยวาดภาพ ว่างก็ลองเอาดินสอกับกระดาษมาวาดเล่นๆ หรือเอาสีเมจิกมาระบายเล่นๆ ดู วิธีนี้ช่วยให้สมองสร้างการเรียนรู้ใหม่ๆ และ ช่วยเปลี่ยนวิธีคิดในการทำงานในอีกมุมมองนึง
15. ออกกำลังกาย การออกกำลังกาย ไม่ได้มีผลแค่ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สมองหลั่งสารความฉลาด (Fluid intelligence) ที่ช่วยให้เราเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้ดีขึ้น, สร้างกลีบสมองด้านหน้าที่ช่วยในการวางแผน, และช่วยให้การตัดสินใจได้เร็วขึ้น แค่สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีก็พอครับ
16. หลับลึกและนาน การนอนหลับที่ลึก และนานพอ ช่วยให้เราตื่นมาอย่างแจ่มใส และสมองทำงานได้ดีจนน่าแปลกใจ มีเทคนิคการนอนให้หลับได้ลึกๆ ดังนี้ ก่อนนอน 6 ชั่วโมง อย่ากินกาแฟ และผ่อนคลายร่างกายด้วยการอาบน้ำอุ่นๆ ด้วยสบู่เหลวประเภทสปา จากนั้นดื่มนมตามอีก 1 แก้ว แล้วไปนอนซะ !!!!
17. ลงเดินซะบ้าง ผลวิจัยล่าสุดบอกเราว่า เพียงเดินครั้งละ 45 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานแบบมัลติทาร์กกิ้ง (ได้มากว่า 1 งานพร้อมกัน) ขึ้น 15 % รวมทั้งช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงกลีบสมองส่วนหน้าได้ดีขึ้น
18. ตื่นแต่เช้า ผลจากข้อ 16 ก็เพราะว่า ตอนเช้าหลังจากการหลับออย่างเต็มที่ สมองเราจะปราดเปรียวเป็นพิเศษ หากมีปัญหาหรือไอเดียที่คิดไม่ตก ลองพักแล้วเก็บมาคิดตอนเช้าอีกที อาจจะได้ไอเดียดีๆ อย่างเหลือเชื่อ
19. กินใบแป๊ะก๊วยเยอะๆ ในภาษษอังกฤษ คือ Ginkgo Biloba ใบแป๊ะก๊วยมีสรรพคุณในการช่วยนำเลือดไปเลี้ยงสมองได้เป็นอย่างดี ทำให้ความจำดี มีสมาธิ จะเอามาคั้นดื่มเป็นน้ำ หรือที่สกัดมาเป็นแคปซูล ก็ได้ผลดีไม่ต่างกัน (ประทานเหมาเจ๋อตุง ชอบทานน้ำต้มใบแป๊ะก๊วยเป็นอย่างยิ่งนะครับ)
20. กินน้อยๆ แต่กินถี่ๆ อันนี้เน้นว่าเฉพาะเวลาที่ต้องการใช้สมองหรือต้องการเค้นไอเดียออกมา เพราะการกินมื้อหนักมาก หรืออิ่มจนเกินไป จะช่วยให้เลือดส่งไปเลี้ยงสมองไม่พอ เพราะเอามาเลี้ยงกระเพาะหมด คิดอะไรก็จะไม่ค่อยออก ดังนั้นกินพออยู่ท้อง แต่อาศัยกินบ่อยๆ จะดีกว่า
21. ฟังเพลงคลาสสิก ท่วงทำนองของเพลงคลาสสิก ช่วยให้คลื่นสมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันนี้ผลวิจัยหลายสำนักตรงกัน ไม่ต้องฟังทั้งวันก็ได้ วันละ 10 นาที ก็พอ
22. หัดทำแบบฝึกหัด IQ บ่อยๆ แบบฝึกหัด IQ เป็นตัวช่วยวัด IQ ของเราได้เป็นอย่างดี และแบบฝึกหัดพวกนี้สามารถดึงเอาการทำงานของสมองออกมาได้อย่างเต็มที่ ทำบ่อยๆ ช่วยเพิ่ม IQ ได้ครับ (www.iqtest.dk ว่างๆลองดูครับ)
23. กินข้าวน้อยๆ ก่อนประชุม ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาเวิร์ด พบว่า กลุ่มคนที่กินคาร์โบไฮเดรตอย่างเดียวมากเป็นสองเท่า จะมีปัญหาเรื่องของสมาธิและการใช้สมอง มากว่าคนที่กินแต่เนื้อสัตว์ เค้าอธิบายว่า เกิดจากระดับฮอร์โมนอินซูลีนในเส้นเลือดดำที่มากเกิดไป อันนี้แพทย์น่าจะเข้าใจกันดี เอาเป็นว่า เค้าแนะนำให้ก่อนประชุมหรือใช้สมอง ควรหลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรตที่มีอยู่ในอาหารประเภทข้าว มันสำปะหลัง
24. เคี้ยวหมากฝรั่ง การเคี้ยวหมากฝรั่ง นอกจากฟันแข็งแรงแล้ว ยังช่วยให้สมองมีความจำดี และเพิ่มกระบวนการคิด ผลวิจัยจากอังกฤษพบว่า การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้สูบฉีดออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น
25. หาเพื่อนใหม่ๆ หรือเที่ยวที่แปลกๆ นอกจากได้ประสบการณ์แล้ว มันยังช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ให้กับการคิดของคุณก้าวไกลออกไปอีก ผมขอเสริมว่า ถ้ามีโอกาสคุยกับคนเก่งๆ ได้จะช่วยเพิ่มความฉลาดให้เราได้อย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนสำนวนจีนที่ว่า “ถกกับปราชน์ 1 วัน เท่ากับผู้อื่นเรียนรู้ 10 ปี”
26. ปลูกต้นไม้กันเถอะ การ ปลูกต้นไม้มีผลต่อสมองและร่างกาย ช่วยให้ทำงานสอดประสานกันได้อย่างกลมกลืน ยิ่งถ้าเลือกปลูกต้นไม้บางชนิด กลิ่นของมันยังช่วยพัฒนาสมองได้ด้วย เช่น ต้นโรสแมรี่ ที่เค้าบอกว่า ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองได้ดี ทำให้มีสมาธิมากขึ้น ที่สำคัญ ช่วยลดโลกร้อนด้วยครับ 2 เด้งเลย ~~
27. หาวิตามินบีมากิน ไม่ต้องถึงขึ้นหาซื้ออาหารเสริมกระปุกละหลายร้อยบาทหรอกครับ (มีตังค์ก็ไม่ว่ากัน) เพราะวิตามินบีหาได้ง่ายๆ จากกล้วย ทูน่า ข้าวโอ๊ต เนื้อไก่ ขนมปังโฮลวีต วิตามินบีช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมสมองได้เป็นอย่างดี ขณะที่ วิตามิน บี6 ช่วยเรื่องความจำเป็นพิเศษครับ

20 ข้อที่ควรรู้และปฏิบัติก่อนอายุ 40

20 ข้อ ที่ควรรู้และปฏิบัติก่อนอายุ 40
1. ไม่ต้องตั้งใจเรียนมากไป เอาแค่พอใช้ได้ก็พอ เพราะโลกแห่งความเป็นจริง วัดกันที่ผลงาน ไม่ใช่ที่เกรด
2. การทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นสำคัญมาก พอๆ กับการคร่ำเคร่งหน้าตำราเรียน
3. เลือกงานที่เราชอบนั้นใช่  แต่อย่าลืมด้วยว่า อาชีกนั้นสามารถเลี้ยงดูตัวเราได้จริงหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ ก็อย่าหลอกตัวเอง
4. เมื่อถึงวัยทำงาน ใครเก็บเงินก่อน รวยเร็วกว่า และสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ คือ "ชีวิตที่ไม่มีหนี้ คือชีวิตที่ประเสริฐที่สุด"
5. หาเป้าหมายในชีวิตให้เจอโดยเร็วที่สุด เพราะมันจะเป็นเครื่องนำทางของคุณ ในชาตินี้ตลอดไป
6. ซื้อบ้านก่อน ที่จะซื้อรถ เพราะบ้านมีแต่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น  รถมีแต่มูลค่าลดลง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า รถ=ลด
7. ดอกเบี้ยบ้านนั้นมหาโหดมาก รีบใช้ให้หมดโดยเร็วพลัน ก่อนที่จะแก่ แล้วผ่อนไม่ไหว
8. การเก็บเงินเป็นแค่บันไดขั้นแรก สู่ความร่ำรวย แต่ขั้นต่อมา คือ ต้องรู้จักลงทมุน
9. อย่าเป็นศัตรูกับใครก็ตามบนโลกใบนี้ เพราะคุณจะไม่มีทางรู้ว่า วันหนึ่ง เขาอาจจะยิ่งใหญ่มาก จนกลับมาทำร้ายคุณก็เป็นได้
10. คอนเน็คชั่นหรือสายสัมพันธ์เป็นสิ่งที่าคัญมากๆ ต่อให้เก่งแค่ไหน ก็สู้การมีเพื่อนเยอะไม่ได้
11. ควรมีงานทำมากกว่า 1 งาน เพราะความมั่นคง ไม่เคยมีบนโลกใบนี้
12. อย่าคิดว่าตัวเองทำอะไรได้แค่อย่างเดียว เพราะความสามารถของคนเรา มีมากกว่า 1 เสมอ
13. เมื่อมีโอกาสใดก็ตามเข้ามา จงอย่าปฏิเสธ ถึงจะล้มเหลว แต่มันก็คือ ประสบการณ์
14. สร้างเนื้อ สร้างตัวให้ได้เร็วที่สุด ในขณะที่คุณยังมีกำลัง ยังเป็นหนุ่ม-สาว เพราะการฝ่าฟันอุปสรรคในช่วงอายุมาก ไม่ใช่เรื่องสนุก
15. ออกเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่ยังหนุ่มสาว เพราะเมื่อมีครอบครัว การเดินทางจะเป็นเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม
16. เลือกคู่ชีวิต จงคิดให้ดีๆ อย่าดูแต่ข้อดีของเขา แต่ต้องดูด้วยว่าเราสามารถรับข้อเสีรยของเขาได้มากแค่ไหน
17. การมีแฟน หรือสามีภรรยา ยังเลิกกันได้  แต่ความเป็น พ่อแม่ลูก นั้นเลิกกันไม่ได้ เพราะฉะนั้น ควรดูแลพวกเขาให้ดีๆ
18. ความสำเร็จที่มากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถทดแทนความล้มเหลวของครอบครัวได้
19. ลองหาเวลาอยู่ว่างๆ ไม่ต้องทำอะไรเลยดูบ้าง  อย่าแบกโลกทั้งใบไว้คนเดียว และอีกอย่าง งานก็ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต
20. สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญอันหนึ่ง โปรดถนอมตัวเองให้มาก เมื่อยังเป็นวัยรุ่น อย่าใช้ชีวิตให้หนักเกินไป