วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ขั้นตอนการขึ้นเครื่องบินในประเทศ

ขั้นตอนการขึ้นเครื่องบินในประเทศ แบบเข้าใจง่าย Step by Step


ปัจจุบันการเดินทางโดยเครื่องบินมีราคาถูกกว่าแต่ก่อนมาก เนื่องจากมีสายการบิน Low cost มาเปิดให้บริการ อีกทั้งการเดินทางโดยเครื่องบินก็ใช้เวลาเดินทางไม่นาน ทำให้ไม่เหนื่อยกับการเดินทาง จึงมีการเดินทางด้วยเครื่องบินเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อน อาจจะกลัวว่าขึ้นเครื่องไม่ถูก กลัวจะตกเครื่อง ลองมาดูรีวิวนี้ครับ รับรองว่าอ่านจบแล้วขึ้นเครื่องได้อย่างแน่นอน
ก่อนที่จะบอกขั้นตอนต่างๆ เรามาเรียนรู้คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นเครื่องกันก่อน
Itinerary = ใบรายละเอียดการเดินทาง เรามักจะได้ใบนี้หลังจากที่เราซื้อตั๋วเครื่องบินทางอินเตอร์เนต
Air Ticket = ตั๋วเครื่องบิน
E-Ticket = ตั๋วเครื่องบินแบบอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบกระดาษ A4 ทางสายการบินหรือเอเจนซี่จะส่งให้หลังจากการจองเสร็จสมบูรณ์ ตั๋วชนิดนี้ไม่สามารถใช้ขึ้นเครื่องได้เลย ต้องไป check in ที่สนามบินในวันเดินทางเสียก่อน ถึงจะได้ตั๋วจริง
Boarding Pass = บัตรโดยสาร / ใบผ่านขึ้นเครื่อง
Departure Time = เวลาเครื่องออก
Boarding Time = เวลาขึ้นเครื่อง
Departing = เครื่องออกจาก (สนามบิน) / เวลาออก
Arriving = เครื่องถึงที่หมาย (สนามบิน) / เวลาถึง
ข้อห้าม
การเดินทางโดยเครื่องบินมีข้อห้ามหลายอย่าง เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ผมจะพูดถึงกฎทั่วไปของทุกสายการบิน ส่วนกฎของแต่ละสายการบิน เช่นน้ำหนักกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง จำนวนสัมภาระติดตัว ฯลฯ ให้ดูได้จากเวบไซต์ของสายการบิน ควรศึกษาก่อนขึ้นเครื่อง

1. ห้ามนำของเหลวถือขึ้นเครื่องเกินชิ้นละ 100 ml (ml, cc, g ให้ถือเป็นค่าเดียวกัน) หากมีความจำเป็นต้องนำของเหลวติดตัวไปด้วยเช่นพวกแชมพู สบู่เหลว ให้ใช้วิธีแบ่งใส่ขวดเล็กๆ หรือถุงใสที่มีปริมาตรไม่เกิน 100 ml โดยวิธีนี้เราสามารถนำของเหลวติดตัวรวมกันแล้วไม่เกิน 1,000 ml ขนาดของของเหลวจะยึดจากฉลากบรรจุภัณฑ์เป็นหลัก เช่น ครีม ที่ฉลากติดไว้ว่า 120 ml ถึงแม้ว่าจะใช้ไปแล้วครึ่งหนึ่งก็ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ เพราะปริมาตรที่ฉลากระบุไว้เกิน 100 ml ของเหลวที่มีปริมาณเกินที่ระบุไว้จะต้องถูกทิ้งขยะ แต่ในกรณีของเหลวโหลดเป็นสัมภาระใต้ท้องเครื่องจะไม่จำกัดปริมาณ
2. ห้ามนำของมีคม วัตถุไวไฟ อาวุธ ถือขึ้นเครื่อง เช่นกรรไกร มีด คัทเตอร์ ดอกไม้ไฟ ถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจเจอจะต้องถูกทิ้งขยะ
3. น้ำหนักกระเป๋า – สัมภาระขึ้นเครื่อง สายการบิน Air asia ให้นำกระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม ขนาดไม่เกิน 56×36x23 cm สำหรับกระเป๋าถือของผู้หญิงหรือกระเป๋ากล้องสามารถนำติดตัวไปได้โดยไม่นับ ว่าเป็นสัมภาระ, สายการบิน Nok Air (Nok Economy) ให้โหลดกระเป๋าได้คนละ 15 กิโลกรัม
ขั้นตอนการขึ้นเครื่องบิน
หลังจากศึกษาข้อห้ามเรื่องของเหลว ของมีคม และข้อห้ามของสายการบินไปแล้ว ทีนี้เรามาดู 9 ขั้นตอนง่ายๆ ในการขึ้นเครื่องกันครับ

1. เตรียมตัว หลังจากที่เราได้จองตั๋วเครื่องบินกับสายการบิน หรือ เอเจนซี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้เราพิมพ์ Itinerary หรือ E-Ticket ติดตัวไปขึ้นเครื่องด้วย ใบ Itinerary หรือ E-Ticket ยังไม่ใช่ตั๋วที่ขึ้นเครื่องได้เลย เราจะต้องผ่านกระบวนการเช็คอิน เพื่อยืนยันว่าเรามาถึงสนามบิน พร้อมขึ้นเครื่องแล้ว สำหรับมือใหม่แนะนำว่าควรไปถึงสนามบินก่อนเครื่องออก 2 ชั่วโมง

ซ้าย. Itinerary ของ Air Asia, ขวา. Itinerary ของ Nok Air
2. ตรวจสอบเที่ยวบิน เมื่อถึงสนามบินให้เช็คดูจอมอนิเตอร์ว่าเที่ยวบินที่เรานั่งมีสถานะเป็นยัง ไง ออกตามเวลาหรือ Delay หรือไม่ เค้าน์เตอร์เช็คอินหมายเลขอะไร
(2.1) สำหรับคนที่บินสายการบิน Air Asia ไม่มีสัมภาระโหลด + ทำ Web Check-in มาแล้ว ให้ข้ามไปข้อ 4 เลย

3. เช็คอิน ให้เดินไปที่เคาน์เตอร์ของสายการบินช่องผู้โดยสารในประเทศ เพื่อทำการเช็คอิน – โหลดกระเป๋า (ถ้ามี) โดยจะต้องใช้ Itinerary + บัตรประชาชน เสร็จจากขั้นตอนนี้เราจะได้ใบ Boarding Pass มา ให้ตรวจสอบความถูกต้อง ชื่อ – นามสกุล ที่นั่ง เกต

เค้าน์เตอร์เช็คอิน นกแอร์

Boarding Pass นกแอร์
4. สแกนสัมภาระ เดินตามป้ายผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ส่งบัตรประชนชนพร้อม Boarding Pass ให้เจ้าหน้าที่ตรวจ จากนั้นก็วางกระเป๋าใส่สายพาน x-ray ส่วนของที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง กระเป๋าเสื้อให้หยิบออกมาวางในตระกร้าให้หมด แล้วเดินผ่านประตูตรวจจับโลหะ รับสัมภาระคืน (บางสนามบินจะมีการตรวจ Boarding Pass หลังสแกนสัมภาระ เช่นสนามบินเชียงราย, เชียงใหม่)
ในขั้นตอนสแกนสัมภาระจะเข้าได้เฉพาะคนที่มี Boarding Pass เท่านั้น คนที่มาส่งจะไม่สามารถเข้าไปด้านในได้, น้ำดื่ม จะต้องทานให้หมดก่อนเข้าสแกนสัมภาระ หรือไม่ก็ต้องทิ้งลงถังขยะ

5. รอขึ้นเครื่อง เดินไปรอขึ้นเครื่องตามเกตที่ระบุใน Boarding Pass ในกรณีที่ Boarding Pass ไม่ได้ระบุไว้ก็สามารถดูได้จากจอมอนิเตอร์ได้เช่นกัน เมื่อถึงเกตแล้วให้ดูว่าเที่ยวบินตรงกับใน Boarding Pass เราหรือไม่ ระหว่างรอให้ดูจอประจำเกตอยู่ตลอดเวลาว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ บางครั้งก็มีการเปลี่ยนเกตได้เหมือนกัน
ถ้าไปถึงเกตก่อนเวลาเครื่องออกตั้งแต่ 60 นาทีขึ้นไปจะไปชอปปิ้ง ทานข้าว เดินเล่นก่อนก็ได้ แนะนำว่าให้เข้าห้องน้ำ ทำธุระให้เรียบร้อยก่อนขึ้นเครื่อง

รายละเอียดเที่ยวบิน, Boarding Time, ที่นั่ง, เกต ที่ระบุใน Boarding Pass

ที่นั่งรอขึ้นเครื่อง
6. ขึ้นเครื่อง ก่อนเครื่องออก 30-40 นาที (Boarding Time) จะมีเจ้าหน้าที่เรียกขึ้นเครื่อง โดยจะเรียกผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วใน class แพงขึ้นก่อน เช่น Business class, Hot seat, High Flyer จากนั้นจึงตามด้วยผู้โดยสารที่เหลือ เจ้าหน้าที่จะขอดูบัตรประชาชนพร้อม Boarding Pass และฉีก Boarding Pass ส่วนของสายการบินออก คืนส่วนที่เหลือให้เรา

สิ่งที่แตกต่างระหว่างเครื่องบินกับรถทัวร์คือเวลาขึ้นเครื่อง เครื่องบินจะต้องขึ้นก่อนเครื่องออก 30-40 นาที (Boarding Time) มือใหม่บางคนไม่รู้ไปขึ้นเครื่องตามเวลาเครื่องออกเป๊ะ (Departure Time) ผลสุดท้ายคือตกเครื่องไปตามระเบียบ เวลาที่เครื่องออกจะเป็นเวลาที่เครื่อง Push back ถอยออกจากงวงช้าง เตรียมที่จะ Take Off
7. นั่งตามหมายเลข เมื่อขึ้นไปอยู่บนเครื่องแล้วให้นั่งตามหมายเลขที่ระบุไว้ หมายเลขที่นั่งจะติดอยู่บริเวณที่เก็บสัมภาระ หากหาไม่เจอ หรือมีคนมานั่งที่เรา ให้ขอความช่วยเหลือกับแอร์ฯ หรือ สจ๊วต บนเครื่อง สัมภาระที่นำติดตัวขึ้นเครื่องสามารถเก็บไว้ในช่องด้านบนได้ ส่วนของมีค่าให้เก็บไว้กับตัว

หมายเลขที่นั่งบนเครื่องบิน จากรูป A เป็นที่นั่งริมหน้าต่าง
เมื่อนั่งแล้วให้รัดเข็มขัด อุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด โทรศัพท์มือถือ ไอแพด จะต้องปิดเครื่องก่อนที่เครื่องบินจะออก และจะสามารถเปิดใช้งานใน Flight mode ได้หลังจากที่เครื่องรักษาระดับได้แล้ว จะมีไฟสัญญาณบอก
ก่อนที่เครื่องจะ Take Off จะมีลูกเรือมาสาธิตความปลอดภัย เช่นหน้ากากออกซิเจน เสื้อชูชีพ ประตูทางออกฉุกเฉิน

8. เดินทาง ผู้โดยสารจะต้องรัดเข็มขัดในเวลาที่เครื่องขึ้น และ ลง แต่เพื่อความปลอดภัยจะแนะนำให้รัดเข็มขัดไว้ตลอดเวลา สำหรับคนที่ไม่เคยขึ้นเครื่อง เวลาเครื่อง Take Off หรือ Landing มักจะมีอาการหูอื้อ แนะนำให้เคี้ยวหมากฝรั่งหรือกลืนน้ำลายบ่อยๆ จะช่วยได้ ถ้ารู้สึกอยากจะอาเจียนให้หยิบถุงอ้วกที่ช่องใส่หนังสือมาใช้ได้ ลักษณะจะเป็นถุงกระดาษสีขาว
บนเครื่องบินมีห้องน้ำแต่จะใช้ได้ช่วงที่เครื่องบินรักษาระดับได้แล้ว ช่วงบินขึ้น (Take Off) และลง (Landing) ไม่สามารถใช้ห้องน้ำได้ ให้สังเกตดูได้จากไฟสถานะห้องน้ำบนเครื่อง ถ้าไฟเขียวแสดงว่าใช้งานได้

9. ถึงที่หมาย เมื่อถึงที่หมายให้ไปรอรับกระเป๋าที่สายพาน (ถ้ามี) ตามที่หน้าจอระบุไว้ในสนามบินปลายทาง แล้วก็เดินออกจากสนามบินได้เลย เป็นอันจบภารกิจ

เก้าขั้นตอนง่ายๆ นี้เราคิดว่าจะทำให้มือใหม่ได้รู้ขั้นตอนการขึ้นเครื่อง ไม่ต้องกลัวตกเครื่อง การขึ้นเครื่องบินนั้นขั้นตอนอาจจะเยอะกว่าการขึ้นรถทัวร์นิดหน่อย เพราะมีขั้นตอนความปลอดภัยที่เข้มงวดกว่า แต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากมากมาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น