วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2559

การเตรียมความพร้อมเข้าสู่มหาวิทยาลัย

เตรียมความพร้อมก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัย
ฤดูกาลของการเปลี่ยนแปลง เพื่อต้อนรับนักศึกษารุ่นใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ต้องถือว่าเป็นช่วงของการปรับตัวครั้งสำคัญในชีวิตการเป็นนักเรียน เพราะนอกจากจะเป็นการเปลี่ยนสถานะจากที่เคยเป็นเด็กน้อยนักเรียน วัยกระโปรงบานขาสั้น

มาเป็น นิสิตนักศึกษากันแล้ว ก็ยังถือว่าได้เวลาของความรับผิดชอบและการเรียนอันหนักหน่วงอีกด้วย
สิ่งที่สำคัญที่สุดและแตกต่างจากชีวิตในวัยนักเรียนอย่างชัดเจน ก็เห็นจะเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ ที่ต่อไปนี้ น้องๆ จะต้องรู้จักรับผิดชอบตัวเองให้มากขึ้น ว่ากันตั้งแต่ การลงทะเบียนเลยทีเดียว เพราะวิชาที่เราจะเลือกเรียนนั้น จะแบ่งเป็น 2 หมวดใหญ่ๆ อันได้แก่วิชาบังคับ และวิชาเลือก ซึ่งส่วนที่เป็นวิชาเลือกนี้เอง ที่เราจะต้องจัดตารางเรียนให้ลงตัวให้ได้ ไม่ใช่จะดูกันแค่เวลาเรียนไม่ชนกับวิชาอื่นเท่านั้น ยังต้องดูไปถึงวันสอบในช่วงต่างๆ ของเทอมด้วย ในแต่ละวิชานั้นก็จะเปิดรับนักศึกษาในจำนวนที่จำกัดแตกต่างกันไป ดังนั้น อาจจะต้องอาศัยความว่องไว ใครลงก่อนได้ก่อน ก็อย่างที่บอกว่าไม่ใช่เล่นๆ เหมือนตอนมัธยมอีกแล้วล่ะจ้า

หลักการในการเลือกวิชาในหมวดวิชาเลือกนี้ ก็ให้เลือกเรียนในวิชาที่เรามีความสนใจหรือความถนัดเป็นหลัก เพราะสิ่งที่เราชอบเราก็มักจะทำได้ดี บางคนเลือกตามเพื่อนสนิทแต่พอไปนั่งเรียนจริงๆ แล้วเกิดไม่ชอบ หรือไม่มีความถนัดก็อาจจะทำให้ไม่อยากเรียน และอาจจะตามคนอื่นไม่ทัน ลองนึกถึงเวลาที่เราต้องนั่งเรียนอยู่ในห้องวิชาที่เราไม่ชอบเอาเลย สมัยที่โดนบังคับเรียนในโรงเรียนสิ มันเคยทรมานเช่นไร มันก็จะไม่แตกต่างกันเลย เพราะฉะนั้น ตอนนี้เรามีโอกาสเลือกสิ่งที่เราจะเรียนด้วยตัวเองแล้ว ก็เลือกดีๆ เลือกอย่างมีเหตุผล

และก็อย่าลืม ตามวันสอบ ตามอ่านประกาศต่างๆ ของทางคณะไว้อย่าให้ขาด เพราะเราอาจจะพลาดกำหนดการอะไรบางอย่างไป เรียกว่า ต้องเปิดหูเปิดตาให้กว้างเข้าไว้ เพราะใครๆ ก็ใหม่กันทั้งนั้น หวังพึ่งเพื่อนก็คงพอได้บ้าง แต่ว่าเราก็ต้องเอาตัวเองเป็นที่พึ่งหลักเป็นสำคัญ

เพราะนอกจากเรื่องเรียนแล้ว จะมีบรรดากิจกรรมสำหรับน้องใหม่อีกมากมาย ถาโถมเข้ามาอย่างตั้งตัวกันแทบจะไม่ติด ไหนจะแข่งกีฬา ทั้งในคณะ นอกคณะ งานประเพณีต่างๆ กิจกรรมชมรม ถึงตรงนี้ ต้องแบ่งเวลาให้ดี รับผิดชอบตัวเองว่า เวลาไหนเราต้องทำอะไร จัดวางระหว่างเรื่องเรียนกับกิจกรรมให้ลงตัว อย่าให้พลาด เพราะไม่อย่างนั้น จะลำบากในตอนหลัง เพราะมัวแต่เอาเวลาไปทำกิจกรรม จนอ่านหนังสือไม่ทัน มีผลไปถึงการสอบ อันนี้ต้องระวังนะจ๊ะ

เรื่องของการคบเพื่อนก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตมหาวิทยาลัยด้วยเช่นกัน เหมือนเป็นเรื่องใกล้ตัว ที่บางทีเราก็ลืมคิดว่ามันมีผลต่อชีวิตการเรียน การใช้ชีวิตของเราอีกหลายปีข้างหน้าไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะอย่างที่คำโบราณกล่าวไว้ “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิต พาไปผล” เรื่องนี้นั้นจริงแท้ทีเดียว การเลือกคบเพื่อนที่ดีนั้น ก็จะพากันไปในทางที่ดี และจะมีส่วนช่วยกันตั้งแต่การเรียนไปจนถึงเรื่องกิจกรรม แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าให้เราไปหวังพึ่งเพื่อนเอา 100% เห็นจะไม่ได้ เพื่อนช่วยได้ แต่เราก็ต้องช่วยตัวเราเองด้วย เพื่อนมักจะเป็นส่วนสำคัญในการเติมเต็มส่วนที่เราตกหล่น เหมือนช่วยกันเป็นหูเป็นตา ใครเขาทำอะไร กันที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ ถ้าเราตามไม่ทัน แต่เพื่อนทัน ก็ยังช่วยกันแก้ไขหรือติดตามอะไรๆ ได้ทันท่วงที แต่ถ้าเจอเพื่อนที่ไม่ดี นอกจากจะไม่ได้ช่วยเหลือกันแล้ว ยังพาเราเหลวไหลไปนอกลู่นอกทาง อันนี้ บอกได้เลยว่าไม่เวิร์คค่ะ

และจากวันนี้ไป ก็ตั้งหน้าตั้งตากอบโกยประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด เพราะบอกได้เลยว่า ไม่มีช่วงไหนของชีวิตที่จะสดใส และมันส์ได้เท่าช่วงเรียนมหาวิทยาลัยอีกแล้ว ทั้งเรียนทั้งเล่นจัดตารางชีวิตให้ดี แล้วก็อย่าลืมเก็บเอาความสำเร็จไปให้คนที่บ้านชื่นชมด้วยนะเออ ยังมีคนที่คอยให้กำลังใจเราอีกหลายคน ก็เหลือแต่เราเท่านั้น ที่ต้องรู้จักหน้าที่ในการรับผิดชอบตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ยากสักนิด เป็นกำลังใจให้อีกแรงจ้า
เตรียมความพร้อมก่อน Admission
   ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคมนี้คงจะเป็นเวลาสำคัญของน้องๆ มัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่จะต้องเข้าสู่สนามสอบครั้งสำคัญอีกครั้ง นั่นคือการคัดเลือกเพื่อเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งในปัจจุบันนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมากพอสมควร เพื่อให้ได้นักศึกษาที่มีความสามารถเหมาะสมกับสาขาวิชาที่เลือกเรียน การสอบเพื่อวัดความสามารถทางวิชาชีพจึงมีผลต่อการสอบมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือการสอบวัดระดับ GAT และ PAT นั่นเอง
เพื่อให้น้องๆ ได้เตรียมตัวกันก่อนการสอบ อุทยานการเรียนรู้ TK park จึงได้จัดกิจกรรม TK Talk เตรียมสอบ GAT, PAT และ O-Net อย่างมั่นใจ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมี ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ หรือสทศ. เป็นวิทยากรมาให้ความรู้กับพ่อ-แม่ ผู้ปกครอง และน้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบ Admission ในปีนี้ และปีต่อๆ ไป
วันนั้นน้องๆ ที่เข้าฟังจะเป็นผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และกำลังจะขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ศ.ดร.อุทุมพร จึงขอเน้นไปที่การให้ความรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวเพื่อสอบ GAT และ PAT เพื่อให้น้องๆ ได้เตรียมตัวเพื่อใช้ในปี 2553 ซึ่งจะเป็นการสอบ Admissionระบบใหม่เต็มตัว

      ตามความหมายแล้ว Admission ไม่ใช่การสอบเหมือนกับการ Entrance แต่เป็นระบบการคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของรัฐทั้ง 23 แห่ง ซึ่งเดิมมี 21 แห่ง แต่ภายหลังเพิ่มมหาวิทยาลัยนครพนม และมหาวิทยาลัยนราธิวาส เข้ามาอีกจึงเป็น 23 แห่งที่เป็นระบบปิด ไม่รวมมหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช ที่เป็นมหาวิทยาลัยเปิด และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ที่รับปริญญาโท ซึ่งเป็น 3 แห่งที่ไม่ต้องใช้ระบบ Admission ในการเข้าศึกษาต่อ (รวมแล้วมหาวิทยาลัยของรัฐบาลมีทั้งหมด 26 แห่ง)
การคัดเลือกด้วยวิธี Admission คือการคัดเลือกโดยการสอบ และรู้ผลคะแนนก่อนจึงเริ่มรับสมัครเพื่อเลือกคณะที่ต้องการ ต่างกับการสอบ Entrance ที่จะเลือกคณะก่อน แล้วจึงสอบวัดผล ซึ่งในระบบ Entrance นั้นนักเรียนจะไม่ทราบความสามารถของตัวเอง และเลือกแต่คณะตามแฟชั่นนิยม ทำให้นักศึกษามหาวิทยาลัยไม่ได้คุณภาพเท่าที่ควร จึงได้มีการประกาศใช้ระบบ Admission ล่วงหน้า 3 ปี เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนของนักเรียนที่กำลังสอบเข้าในช่วงเวลานั้น โดยระบบ Admission จะมีการอ้างอิงผลการเรียนตลอดระดับชั้นมัธยม (คะแนนGPA และ GPAX) รวมไปถึงการวัดความถนัดทางด้านวิชาเฉพาะต่างๆ ซึ่งเราเคยได้รู้จักกันในการสอบ O-Net และ A-Net นั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น